ถ้าจะให้พูดแบบภาษาบ้านๆ เข้าใจง่ายๆ สไตล์วัยรุ่นยุคผม (หมายถึงยุคบุกเบิกอินเทอร์เน็ตนะ ไม่ใช่วัยรุ่นสมัยนี้…โอ๊ย ปวดหลัง!) ฮ่าๆๆ มันก็เหมือนกับการ “ตกแต่งร้านขายของชำหน้าปากซอย แล้วทำให้คนเดินผ่านไปผ่านมาต้องเหลียวมอง แล้วอยากแวะเข้ามาซื้อของ” นั่นแหละครับ!

ลองนึกภาพตามนะ… สมมติเราเปิดร้านขาย “ผักปลอดสารพิษ ปลูกเองกับมือ” ในซอยบ้านเนี่ย ถ้าเราปล่อยให้ร้านมันโทรมๆ มืดๆ ไม่มีป้ายบอกชัดเจน คนเดินผ่านก็คงไม่รู้ว่าเราขายอะไร อาจจะนึกว่าบ้านร้างด้วยซ้ำไป!

แต่ถ้าเราทำร้านให้มันดูดี มีป้ายใหญ่ๆ ไฟสว่างๆ จัดผักให้สวยงาม มีป้าข้างบ้าน (ที่เล่นไลน์เก่งๆ) ช่วยบอกต่อๆ กันไป… ทีนี้แหละครับ! คนก็จะเริ่มรู้ว่าร้านเรามีของดี แล้วก็จะแห่กันมาซื้อ ไอ้เจ้า “YouTube SEO” ก็เหมือนกันเป๊ะ! ช่อง YouTube ของเราก็เหมือนร้านขายของ วิดีโอของเราก็เหมือนสินค้า ถ้าเราไม่ตกแต่งร้าน (ปรับแต่งช่องและวิดีโอ) ให้คน “เจอ” ง่ายๆ แล้วใครมันจะเข้ามาดู มาซื้อ (กดไลก์ กดแชร์ กดติดตาม) ล่ะครับ จริงมั้ย?

ทีนี้มาดู “เคล็ดลับ” การตกแต่งร้าน (ทำ SEO) แบบขำๆ กันนะครับ ผมไม่เจอะลึกจนเกินเข้าใจแน่นอน

“ชื่อร้านต้องโดน!” (Video Title)”
ชื่อวิดีโอของเราก็เหมือนชื่อร้าน ต้องตั้งให้มัน เตะตา โดนใจ บอกชัดเจนว่าขายอะไร” ไม่ใช่ตั้งชื่อแบบ “วันนี้ทำอะไรก็ไม่รู้” ใครจะอยากคลิก! เปรียบเหมือนร้านขายก๋วยเตี๋ยว แต่ดันติดป้ายว่า “ร้านอาหารตามสั่ง”… งงเด้!

“ป้ายหน้าร้านต้องเร้าใจ!” (Video Thumbnail)
รูปหน้าปกวิดีโอนี่สำคัญสุดๆ เหมือนป้ายหน้าร้านที่ต้อง “สวยงาม น่าสนใจ ชวนให้คลิกเข้ามาดู” อย่าเอารูปเบลอๆ มืดๆ มาแปะ เหมือนร้านขายของชำที่เอาผ้าเขียวคลุมของไว้ ใครจะกล้าซื้อ! ต้องรูปชัด สีสดใส เห็นแล้วรู้เลยว่าข้างในมีอะไรเด็ด!

“รายละเอียดสินค้าต้องเป๊ะ!” (Video Description)
คำอธิบายวิดีโอก็เหมือนรายละเอียดสินค้าที่เราต้องบอกลูกค้าให้ชัดเจนว่า “สินค้าเราคืออะไร มีดีอะไร ทำไมต้องซื้อ!” ไม่ใช่เขียนแค่ “วันนี้ทำ…” แล้วก็จบ! ต้องใส่คำหลัก (เหมือนชื่อสินค้าที่คนค้นหา) เข้าไปด้วย ให้ Google กับ YouTube รู้ว่าวิดีโอเราเกี่ยวกับอะไร

“ติดป้ายบอกทางเยอะๆ!” (Video Tags)
ไอ้แท็กเนี่ย หรือ Hashtag เหมือนป้ายบอกทางเล็กๆ ที่ช่วยให้คนหาของเจอ “ใครอยากได้อะไร เกี่ยวข้องกับวิดีโอเราบ้าง ก็ใส่แท็กไปให้หมด” เหมือนติดป้ายบอกทางไปร้านเราตามซอยต่างๆ ใครอยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือ ก็มีป้ายบอกทางมาร้านเราด้วย!

“จัดร้านให้เป็นระเบียบ!” (Playlists)
การจัดวิดีโอเป็นเพลย์ลิสต์ก็เหมือนการจัดสินค้าเป็นหมวดหมู่ในร้าน “ใครอยากดูเรื่องนี้ ก็ไปที่มุมนี้ ใครอยากดูอีกเรื่อง ก็ไปอีกมุม” ลูกค้าจะได้เดินเลือกดูง่ายๆ ไม่ใช่ของวางระเกะระกะไปหมด

“มีคนช่วยพูดถึงร้านเรา!” (Promotion)
การแชร์วิดีโอไปที่อื่น ก็เหมือนการให้เพื่อนบ้านช่วยบอกต่อๆ กันไป “เฮ้ย! ร้านนี้มีของดีนะ ไปลองดู!” ยิ่งมีคนพูดถึงร้านเราเยอะๆ คนก็ยิ่งรู้จัก

“ดูสถิติลูกค้า!” (Analytics)
เราต้องคอยดูว่าลูกค้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร วิดีโอไหนคนดูเยอะ วิดีโอไหนคนหนี “เหมือนเราดูว่าผักชนิดไหนขายดี ลูกค้าชอบกินอะไร จะได้เอามาขายเยอะๆ” แล้วก็ปรับปรุงร้านของเราไปเรื่อยๆ

เห็นมั้ยล่ะครับ! ไอ้เจ้า YouTube SEO เนี่ย มันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย แค่เรา “เอาใจใส่ร้านของเรา ทำให้มันน่าสนใจ ให้คนอยากเข้ามาเยี่ยมชมและซื้อสินค้า (ดูวิดีโอและกดติดตาม)”

แค่นี้เอง! ไม่ต้องไปเครียดกับศัพท์แสงอะไรมากมาย คิดซะว่าเรากำลังทำร้านขายของของเราให้น่าอยู่ก็พอ! สู้ๆ นะครับลุงป้า! ทำช่องให้ปังๆ ไปเลย!

ปล.บทความนนี้ ผมเขียนด้วยความคึกคะนอง และ เพื่อนผมคนหนึ่งขอร้องให้ช่วยเขียนให้ และบังคับให้ใช้ศัพท์ง่ายๆ ตามสไตล์คนเจน X อ่านแล้วไม่เอ๋อ ไม่งงครับ^^

ส่วนใครอยากรู้เทคนิค ครบๆเรื่อง คีย์เวิร์ด Keywords รายละเอียดเรื่องการ เลือกคำมาใช้ ผมขอแนะนำ(แกมบังคับ) ให้สั่งจองหนังสือเล่มล่าสุด “คำทำเงิน” ของผม^^

ลูกค้าหาย? ยอดขายตก? คำตอบอยู่ที่ “คีย์เวิร์ด”ในยุคดิจิทัล การตลาดออนไลน์แข่งกันดุเดือด ถ้าไม่รู้ “คีย์เวิร์ด” ที่ลูกค้าใช้ค้นหา เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร!

“คำ” คำเดียว เปลี่ยนธุรกิจได้จริงเหรอ?
หนังสือ “คำทำเงิน” ช่วยคุณแก้ปัญหานี้
ทำให้ลูกค้า “เจอ” คุณง่ายขึ้น (เยอะเลย^^)

สนใจสั่งจองหนังสือ “คำทำเงิน”
กดเบาๆ ที่ https://lin.ee/mVR1Zuk ^^