Search Intent Optimization
ถ้าคุณหวังจะทำอันดับดีๆในปีนี้ เนื้อหาในคอนเทนต์รูปแบบเดิมๆคงไม่พอ คุณต้องสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ในการค้นหา หรือ Create Content to meet “Search Intent” การเขียนเนื้อหา คอนเทนต์ที่ดีสามารถทำให้คอนเทนต์ธรรมดาๆ กลายเป็นคอนเทนต์ที่น่าสนใจและโดดเด่นขึ้นมาทันที
Search Intent ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ Google พัฒนา อัลกอริทึ่ม Algorithm และอัพเดตกระบวนการแสดงผลการค้นหา SERP เพื่อให้ตรงตามบริบทของ คีย์เวิร์ด วลี ในการค้นหา (Search Keywords, Phrase) เราสามารถทำความเข้าใจกับ Search Intent ได้ตามนี้
- Search Intent คืออะไร?
- 4 Types of search Intent ประเภทของจุดประสงค์ในการค้นหา
- ชนิดของคอนเทนต์เพื่อตอบสนอง Search Intent
- รูปแบบคอนเทนต์สอดคล้องกับ Search Intent
- ปัจจัยภาพรวมของ Search Intent ในการทำ Ranking
Search intent คืออะไร
Search Intent คือ “Search Intent” เข้าใจง่ายๆก็คือ จุดประสงค์ของ การค้นหา ซึ่ง Keyword ที่เป็นเป้าหมายหลัก เมื่อมีการค้นหา เช่น พวกเขาต้องการเรียนรู้อะไรไหม? พวกเขาต้องการซื้อสินค้าหรือไม่? หรือพวกเขากำลังมองหาเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง?
ทำไมเราจำเป็นต้องทำความเข้าใจ Search Intent
Google กล่าวว่า “ จัดระเบียบข้อมูลของโลกและทำให้สามารถเข้าถึงได้และเป็นประโยชน์ในระดับสากล” “Organise the world’s information and make it universally accessible and useful.” นี่ผมแปลตรงๆจาก Google เลยนะครับ
หากเราอยากติดอันดับที่ดีในผลการค้นหา ของผู้เสิร์ช การสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ในการค้นหา จึงมีความจำเป็นและต้องจัดเตรียมอย่างมีแบบแผน หมดยุคการนั่งปั่นคอนเทนต์ หรือ สปิ้นเนื้อหากันแล้ว
4.Types of search Intent ประเภทของจุดประสงค์ในการค้นหา
เรามาทำความเข้าใจหลักการของ Search Intent โดยทำความเข้าใจง่ายๆจาก คีย์เวิร์ดในการค้นหา Search แต่ละครั้ง โดยเราสามารถแบ่งประเภท รูปแบบการใช้คีย์เวิร์ด วลี การค้นหา หลักๆได้ 4 ประเภทดังนี้
1.Informational ค้นหาข้อมูล
ค้นหาข้อมูลเพื่อตอบคำถาม โดยคำค้นหา คีย์เวิร์ด จะเป็นแนวทางโยนคำถามกว้าง หรือเฉพาะเจาะลง
ตัวอย่างคำค้นหา :
สรรพคุณ วิตามินบี
หรือ วิตามินบีต้องทานปริมาณเท่าไหร่?
การเตรียมคอนเทนต์: เนื้อหาที่เราต้องจัดเตรียมต้องตอบโจทย์ของคำถาม ตามคีย์เวิร์ดที่มีการ เสิร์ช เข้ามา โดยคอนเทนต์เนื้อหาต้องมี คีย์เวิร์ดหลัก และคีย์รอง อยู่ในนั้น รวมทั้งรูปภาพก็ต้องมีการระบุข้อมูลลงไป
ด้วยทั้ง Alt Text, Description และ File name Content ที่จะทำให้ติดอันดับต้องมีคำตอบในเนื้อหานั้นถึงจะติดอันดับได้ เมื่อเราลองค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดดังภาพด้านล่าง
2.Navigational ค้นหาทางลัดทางเข้าถึง
ในบางครั้งของการค้นหา เรากำลังมองหาทางเข้าเว็บไซต์ ที่เรารู้จักแต่อาจจำ URL หรือเว็บไซต์ แอดเดรส (url address)ไม่ได้ ซึ่งมันอาจจะเร็วและง่ายกว่าถ้าพิมพ์ตรงไปที่ Google มากกว่าการพิมพ์ URL ทั้งหมดลงในแถบที่อยู่
ตัวอย่างคำค้นหา :
The Standard Podcast
Qminc (เครื่องดื่มวิตามินซีผสมขมิ้น)
หรือง่ายๆ เช่น Canva (เว็บไซต์บริการสร้าง Content Online Free)
การเตรียมคอนเทนต์: การติดอันดับสำหรับคำประเภทนี้ เหมาะกับแบรนด์หรือสินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง ผลการค้นหาจะขึ้นและเข้าได้โดยตรง แต่ถ้าผู้ค้นหาไม่รู้จักแบรนด์ของเรา จะไม่มีการเสิร์ชค้นหาแบรนด์หรือชื่อของเรา
3.Commercial ค้นหาตัวเลือกที่ดีที่สุด
การค้นหาในการหาตัวเลือกในตลาด เช่นผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เฉพาะเจาะจง แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าโซลูชันใดเหมาะสมกับพวกเขา ค้นหาบทวิจารณ์และการเปรียบเทียบ ตัวเลือกต่างๆ
ตัวอย่างคำค้นหา :
เลือกไอโฟนรุ่นไหนดี
โรงแรมเชียงใหม่ นิมมาน
ร้านคาเฟ่ติดทะเล
Dtac vs AIS
การเตรียมคอนเทนต์: สำหรับการเตรียมคอนเทนต์เพื่อให้มีโอกาสติดในผลการค้นหา Search Intent แบบนี้อาจจะต้องใช้ข้อมูลมากพอสมควร จะมานั่งเทียนเขียน ยำไปมาแบบในอดีตไม่ได้ ต้องมีการผสมผสานทั้งเนื้อหาที่อัพเดต มีภาพถ่ายอธิบายชัดเจน แล้วถ้ามีวีดีโอคลิปเข้าไปด้วย ก็ครบครันเลย
4.Transactional ค้นหาเพื่อตัดสินใจซื้อ
ค้นหากำลังต้องการซื้อสินค้า หรืออยู่ในโหมดที่ตัดสินใจเลือก ซึ่งส่วนใหญ่พวกเขารู้อยู่แล้วว่าต้องการซื้ออะไร และกำลังมองหาสถานที่ๆจะซื้อจากการค้นหาแบบนี้ เข้าใจง่ายๆว่า พร้อมซื้อแล้ว!! หรือพร้อม สมัครใช้บริการ Subscribe สมัครอีเมล์ข่าว, หรือต้องโทรหาร้าน ตามแอด Line account เพื่อแชท การค้นค้า Search Intent ตรงนี้ไม่ได้ต้องการเปรียบเทียบ ของตัวเลือก ไม่ได้ต้องหาข้อมูลเพิ่ม แต่มันคือต้องการซื้อ!!
ตัวอย่างคำค้นหา :
ซื้อ พรบ ออนไลน์
จอง iphone 12 ais
การเตรียมคอนเทนต์: คอนเทนต์ที่เหมาะสมสำหรับ Search Intent ประเภทนี้คือ Salepage หน้าเว็บไซต์ที่พร้อมจะปิดการขาย เพราะผู้ค้นหาตัดสินใจ อ่านและดูรีวิวเปรียบมามากพอแล้ว ( ซึ่งนั่นก็เป็นการทำคอนเทนต์ก่อนที่จะมาถึงตรงนี้)
Search Intent Conclusion
วิธีง่ายๆเพื่อสรุปจุดประสงค์ในการค้นหา เรามักจะเห็นได้ชัดจากถ้อยคำ คีย์เวิร์ด ของข้อความค้นหา ตัวอย่างเช่นใช้คำหลัก “buy bitcoin” เป็นที่ชัดเจนว่า เรากำลังต้องการค้นหา สินค้าในท้องตลาดเพื่อซื้อสกุลเงินดิจิทัล (ธุรกรรม) ในทางกลับกันคนที่ค้นหา “วิธีผูกเน็คไท” กำลังมองหาคำตอบ (ข้อมูล) ต่อไปนี้คือคำหลัก“ ตัวปรับแต่ง” บางคำที่มักบ่งบอกถึงความตั้งใจในการค้นหาบางประเภท:
Content Type ชนิดของคอนเทนต์เพื่อตอบสนอง Search Intent
การสร้างวคอนเทนต์ชนิดต่างๆจะมีความสอดคล้องไปกับการทำอันดับ Ranking เพื่อให้ตรรงกับความตั้งใจ Search Intent ของผู้ค้นหา เราสามารถแบ่งชนิดของคอนเทนต์ได้ตามนี้
1.Blog post
การโพสจากเว็บบล็อกหรือเว็บไซต์ เช่น CMS อย่าง WordPress หรือเว็บไซต์ที่เขียนขึ้นมาเอง ชนิดของคอนเทนต์ที่นำมาใช้จะโพสจาก coporate blog, หรือ Website
2.Product page หน้าสินค้า โปรดักต์เพจ ที่มีเนื้อหาของตัวสินค้าหรือบริการของแบรนด์ ธุรกิจ มีข้อมูลภาพสินค้าชัดเจน เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการ
3.Category page หน้าเว็บเพจหมวดหมู่ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจุดประสงค์การค้นหา Search Intent ในรูปแบบ Navigation ซึ่งผู้ค้นหารู้ชื่อแบรนด์ ชื่อรหัสของสินค้าแล้ว
4.Salepage – Landing page แลนด์ดิ้งเพจ หรือเซลเพจที่พร้อมจะปิดการขาย จาก Search Intent รูปแบบ Transaction
Content Format รูปแบบคอนเทนต์สอดคล้องกับ Search Intent
การเตรียมรูปแบบคอนเทนต์เป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าเราจำเป็นต้องใช้บริการ Copywriter อย่าลืมว่า เนื้อหาที่จัดเตรียมต้องสอดคล้องกับ จุดประสงค์การค้น Search Intent เราสามารถแบ่งรูปแบบคอนเทนต์ได้ดังนี้
1.“How-to” Guides
คอนเทนต์ที่เป็นแนว How-to ทำยังไง หรือคู่มือแนะนำการทำ การใช้งาน เนื้อหาแบบนี้เป็นประโยชน์กับ ผู้ค้นหาโดยตรง และตรงกับความตั้งใจในการค้นหา Seach Intent
2.Step-by-step Tutorials
มีความคล้ายคลึงกับ How-to แต่แตกต่างตรงรูปแบบการนำเสนอที่เป็น สเต็ป แบบมีขั้นตอน มีความเป็นทางการมากขึ้น
3.List posts โพสรวมรายการ
คอนเทนต์รูปแบบนี้ทำความเข้าใจและเตรียมได้ไม่ยากนักแต่จำเป็นต้องมีข้อมูลมากพอเช่น “รวมร้านคาเฟ่ติดทะเลที่ห้ามพลาด” หรือ “10 สิ่งของจำเป็นของการแคมป์ปิ้ง”
4.Opinion pieces คำแนะนำ
รูปแบบคอนเทนต์ในแบบ คำแนะนำ opinion โดยส่วนใหญ่มาจาก KOL (Key opinion Leader) นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ คอนเทนต์จะต่างจากการรีวิวหรือเปรียบเทียบ แต่เป็นเป็นการแนะนำจากประสบการณ์และองค์ความรู้ของ KOL
5.Reviews รีวิวเป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่มีเยอะมาก ณ วันนี้ ทั้ง บทความ วีดีโอ podcast ซึ่งคอนเทนต์รูปแบบรีวิว มีส่วนสำคัญในการตอบสนอง Search intent ของผู้ค้นหา ช่วยในการตัดสินใจเลือก สินค้า และบริการ ก่อนนำไปสู่ Transaction
6.Comparisons เปรียบเทียบ
คอนเทนต์รูปแบบ เปรียบเทียบ Comparision จะมีความลึกและละเอียดมากกว่าการ รีวิว ด้วยเพราะเนื้อหาที่จะลงลึกไปกับ บริการ สินค้า มากกว่า 2 ชนิด เช่น Iphone 12 Vs Iphone12 Pro
บทสรุป Conclusion
Search Intent คือปัจจัยที่สำคัญมาก ในการติดอันดับ หากจะเขียนบทความ บล็อกโพสให้ติดอันดับโดยมุ่งเน้นไปที่ ความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด (Keywords Density) อาจหลอก Google และทำให้ติดอันดับในระยะสั้น แต่ระยะยาว Ranking จะถูกถอดหาย เพราะไม่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา
การสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์กับผู้ใช้เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะการให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราที่เข้ามาดูคอนเทนต์ที่เราสร้าง ถือว่าเป็นการสร้างการรับรู้ที่ดี ทั้งทางตรงและทางอ้อม เมื่อคอนเทนต์ที่เราสร้างมีคุณค่า เราสามารถทำอันดับได้ดี หรืออาจได้อยู่ใน Zero Position นั่นก็คือ Featured Snippets
Tips:
Zero Position มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Featured Snippets โดยเจ้าสิ่งนี้คือกล่องข้อความที่แสดงอยู่ด้านบนสุดของผลการค้นหา เหนือเว็บไซต์อันดับแรก หรือที่หลายคนเรียกว่า Zero Position ซึ่งการจะขึ้นไปแสดงเว็บไซต์ในส่วนนี้นั้นเป็นอะไรที่ยากมากเนื่องจากไม่มีสูตรที่ตายตัวเหมือนกับ SEO ทั่วไป
Key Takeaways:
สิ่งที่อยากฝากเอาไว้ เมื่อเราวางแผนที่จะสร้างคอนเทนต์ให้ติดอันดับการค้นหา Search Intent ด้วยคำแนะนำง่ายๆดังนี้
Competitor Spy ดูคู่แข่งที่ติดอันดับอยู่แล้ว ว่าใช้คอนเทนต์รูปแบบไหน คอนเทนต์ชนิดอะไร มีช่องว่างตรงไหนที่เราสามารถสร้างคอนเทนต์ได้ดีกว่า
Provide Valuable & Quality Content ทุกๆครั้งที่สร้างคอนเทนต์ใหม่ ให้เน้นที่คุณภาพเนื้อหาที่มีคุณค่าเสมอ เช่นภาพที่ใช้ต้องไม่ก๊อปใครมา มีกราฟฟิคคุณภาพ ข้อมูล สถิติอัพเดตใหม่